พืชกระท่อม (Kratom) หรือ Mitragyna speciosa คือ พรรณไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งในวงศ์ Rubiaceae
กระท่อมถูกนำมาใช้เป็นยาสามัญประจำบ้านมานานหลายร้อยปีแล้วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 กระท่อมตกอยู่ภายใต้ยาเสพติดประเภทที่ 5
เนื่องจากปัจจุบันมีการทำวิจัยเกี่ยวกับพืชกระท่อมอย่างแพร่หลายและให้สอดคล้องกับหลักสากลและบริบทของสังคมไทยในบางพื้นที่โดยเฉพาะภาคใต้ของประเทศไทย จึงมีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8 ) พ.ศ. 2564 ยกเลิก “พืชกระท่อม” จากยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ให้มีกฎหมายครอบคลุมทั้งด้านวัฒนธรรม พฤติกรรม สุขภาพ และวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
ชนิดใบกระท่อม
ใบกระท่อมถูกแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่
1. พืชกระท่อมชนิดก้านใบสีแดง
2. พืชกระท่อมชนิดก้านใบสีเขียว (แตงกวา)
3. พืชกระท่อมชนิดขอบใบหยัก (ยักษ์ใหญ่, หางกั้ง)
สารสำคัญในใบกระท่อมออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
จากการศึกษาวิจัยพบว่าสารเคมีที่พบในพืชกระท่อมมีหลากหลายกลุ่ม เช่น alkaloids, flavonoids, triterpenes, phenolic compounds โดยสารกลุ่ม indole alkaloids เป็นสารกลุ่มใหญ่ที่พบในพืชกระท่อม และมีสารสำคัญหลัก คือ สารไมทราไจนีน (mitragynine) เป็นแอลคาลอยด์ที่พบมากที่สุดในใบกระท่อมของไทยสูงถึงร้อยละ 66 เมื่อเทียบกับปริมาณสารสกัด alkaloids ทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบสาร alkaloids ตัวอื่นๆ ได้แก่ เซเว่นไฮดรอกซี-ไมทราไจนีน (7-hydroxymitragynine) มีฤทธิ์แรงกว่า mitragynine 4 เท่า โครแนนทิดีน (corynantheidine) และสเปคชิโอชิลเลียทีน (speciociliatine) ซึ่งพบว่าออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทคล้ายมอร์ฟีน
ประโยชน์ใบกระท่อมต่อสุขภาพ
จากงานวิจัยพบว่าในใบกระท่อมทำปฏิกิริยากับร่างกายมีผลต่อเซลล์ประสาทบางชนิดในร่างกายในการรับรู้ความเจ็บปวดถูกนำมาใช้รักษาอาการเหล่านี้
- ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น อาการปวดที่ไม่พึงประสงค์เป็นผลจากการบาดเจ็บทางร่างกาย เนื้อเยื่อ ปวดหลัง ระบบประสาท กล้ามเนื้อ หรือเส้นเอ็น อาการปวดที่เกิดจากภาวะเรื้อรัง เช่น โรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม มะเร็ง เบาหวาน โรคข้ออักเสบ เป็นต้นโดยไม่คำนึงถึงที่มาความเจ็บปวดจะส่งผลต่อร่างกายทั้งทางร่างกายและจิตใจ
- ช่วยรักษาอาการไอ
- ช่วยลดการหลั่งกรด
- ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้เล็ก
- ใบกระท่อมช่วยให้มีสมาธิและระงับประสาท
- ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและควบคุมอารมณ์ไปในทางที่ดีขึ้น
- ช่วยในเรื่องการเผาผลาญ
- ช่วยเพิ่มระดับพลังงานของร่างกายในผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์สำคัญของร่างกาย
- แก้ท้องเสีย
- แก้ปวดฟัน
- แก้ท้องร่วง ปวดเบ่ง แก้บิด
- ทำให้นอนหลับ และระงับประสาท
- แก้ปวดเมื่อยร่างกาย
- ช่วยให้ทํางานทนไม่หิวง่าย
- ใช้ใบกระท่อมเพื่อระงับอาการกล้ามเนื้อกระตุก
- เป็นยาคลายกล้ามเนื้อ
- ช่วยลดความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า
สูตรเคมีโครงสร้างโมเลกุลสารสำคัญที่พบในใบกระท่อม
เคมีโครงสร้างโมเลกุล (Molecular structure) : Mitragynine
สูตรโมเลกุล (Molecular formula) : C23H30N2O4
น้ำหนักโมเลกุล (Molecular weight) : 398.50 g/mol
เคมีโครงสร้างโมเลกุล (Molecular structure) : 7-hydroxymitragynine
สูตรโมเลกุล (Molecular formula) : C23H30N2O5
น้ำหนักโมเลกุล (Molecular weight) : 414.50 g/mol
วิธีใช้ใบกระท่อมในประเทศไทยที่ไม่ผิดกฎหมาย
คนทั่วไปเคี้ยวใบกระท่อมสด 1-3 ใบ หรือบดใบแห้งเป็นผงชงชา หรือต้มน้ำดื่ม สำหรับตนเองได้โดยไม่เป็นความผิดทางอาญา ผลจากการใช้พบว่าหลังเคี้ยวใบกระท่อมไปประมาณ 5-10 นาที จะมีอาการเป็นสุข กระปรี้กระเปร่า ไม่รู้สึกหิวไม่อยากอาหาร ไม่รู้สึกเมื่อยล้าขณะทำงาน ทำให้สามารถทำงานได้นานทนแดด ทนร้อนมากขึ้น แต่จะเกิดอาการกลัวหนาวสั่นเวลาอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ผู้ใช้ใบกระท่อมจะมีผิวหนังแดง
การใช้กระท่อมในปริมาณที่ปลอดภัย และผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงระยะสั้นของพืชกระท่อม
เนื่องจากสารเคมีในใบกระท่อมในปริมาณต่ำประมาณ 1-5 กรัม จะเกิดผลคล้ายยากระตุ้นจะรู้สึกได้ภายใน 10 นาที และสารเหล่านี้จะอยู่ในร่างกายเป็นเวลา 60-90 นาที อาจมีผลข้างเคียงต่อไปนี้
- รู้สึกมีพลังงาน และตื่นตัว
- ความอยากอาหารลดลง หรือน้ำหนักลด
- รู้สึกผ่อนคล้าย และมีสมาธิ สงบ
- ท้องผูก
- ปากแห้ง
- รู้สึกอึดอัด
- วิตกกังวล และกระวนกระวายใจ
- เหงื่อออก และคัน
- แพ้แดด หรือผิวหนังมีสีเข้มกว่าเม็ดสีปกติ
- อาการคลื่นไส้ และอาเจียน
ผลข้างเคียงระยะยาวของพืชกระท่อม ส่งผลต่อจิตใจและระบบประสาท
เนื่องจากสารเคมีในใบกระท่อมในปริมาณ 15 กรัม (ทำให้มีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวดและเป็นยากล่อมประสาท) จะออกฤทธิ์ได้นานหลายชั่วโมง แต่อาจเป็นอันตรายหากใช้ใบกระท่อมเป็นประจำ
อาจมีผลข้างเคียงต่อไปนี้
- นอนไม่หลับ หรือร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา
- หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
- รู้สึกกระวนกระวาย สับสน
- เซื่องซึมเคลื่อนไหวช้า
- ร่าเริ่งผิดปกติ
- มือสั่น
- อาการชัก
- เห็นภาพหลอน
- ไตเกิดความเสียหาย ทำให้ปัสสาวะมีสีเข้มมาก
- ผิวหนังเป็นสีเหลือง เกิดจากตับถูกทำลายและทำงานอย่างหนักในการกรองสารพิษออกจากร่างกาย
- เบื่ออาหารและอดอาหารเป็นเวลานานทำให้อวัยวะล้มเหลวอาจทำให้เสียชีวิตได้
ข้อควรระวังและหลีกเลี่ยงการใช้ใบกระท่อม
- สตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- ผู้เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง หรือติดสุรา
- ผู้มีความผิดปกติทางจิต
- ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
- กินกระท่อมร่วมกับชุมเห็ดช่วยแก้ท้องผูก หากมีอาการมึนเมา วิงเวียน ซึม จากการกินกระท่อมมากเกิน ให้ดื่มน้ำหรือกินของเปรี้ยว แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
ใบกระท่อมถูกนำมาใช้เป็นยา และเครื่องดื่มยอดนิยมของวัยรุ่นภาคใต้ของประเทศไทย เรียกอีกอย่างว่า 4×100 เป็นส่วนผสมของใบกระท่อมและยาแก้ไอที่มีโคเดอีนหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ซึ่งให้ผลคล้ายกับการดื่มแอลกอฮอล์ บางคนก็นำใบสดมาเคี้ยว หรือใบสดต้มน้ำดื่ม หรือใบแห้งบดชงเป็นชาแม้ใบกระท่อมจะดีต่อสุขภาพหลายด้าน แต่ในขณะเดียวกันนักวิจัยพบหลักฐานมากมายว่าใบกระท่อมมีความเสี่ยงและอัตรายต่อสุขภาพหากใช้ในปริมาณที่สูงหรือมากกว่า 15 กรัมขึ้นไป
ข้อมูลอ้างอิง
https://th.wikipedia.org/wiki/กระท่อม_(พืช)
https://mnfda.fda.moph.go.th/narcotic/?p=6063
#ต้ม ใบกระท่อม แก้ เบาหวาน
#ต้มกระท่อมไม่ใส่ยาแก้ไอ
#ต้ม น้ำกระท่อม โทษ
#สูตรต้มกระท่อมไม่ใส่ยาแก้ไอ
#ใบกระท่อมแห้งต้มได้ไหม
#ยาแก้ไอใส่น้ําท่อม
#ยาแก้ไอต้มกระท่อม
#ต้นท่อม
#ใบกระท่อม ออกฤทธิ์
#ใบกระท่อม สรรพคุณ
#วิธีดูใบกระท่อม
#ใบกระท่อม pantip
#ใบกระท่อม ตรวจฉี่เจอไหม
#กฎหมายใบกระท่อม ล่าสุด2563
#ใบกระท่อม อาการ
#ใบกระท่อม โทษ
#ยาเบื่อ น้ำท่อม
#น้ําท่อม ผลเสีย
#น้ำท่อมผสมโค้ก
#สูตรน้ำท่อมเมาๆ
#น้ําท่อมสูตรชามิก
#ประโยชน์น้ำท่อม
#น้ําท่อมสูตรไม่ใส่ยา
#การบำบัดผู้ติดน้ำ ท่อม